ตอนที่วิกตอเรีย ทาอูลี-คอร์พุซ ก้าวออกจากเครื่องบินในนครเจนีวาเมื่อเดือน ก.พ. นั่นควรจะเป็นที่หมายแรกในภารกิจการเยือนหลายประเทศในฐานะผู้ตรวจการพิเศษสหประชาชาติด้านสิทธิชนพื้นเมือง แต่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กฎการกักตัวทำให้เธอเดินทางต่อไม่ได้ การเยือนประเทศอื่น ๆ ได้ถูกยกเลิก
ทาอูลี-คอร์พุซ จึงเดินทางกลับบ้านในฟิลิปปินส์เพื่อมุ่งทำงานกับเรื่องโควิด-19 เธอได้ตระหนักถึงผลกระทบของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่มีต่อชนพื้นเมืองและบอกว่า "มันอาจจะลบเราออกไปจากแผนที่ได้"
ชนพื้นเมืองทั่วโลกมักจะมีความเสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่มากกว่าเมื่อเทียบกับประชากรในกลุ่มอื่น ยกตัวอย่างในช่วงที่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 ระบาดใหญ่ในแคนาดาเมื่อปี 2009 ชนพื้นเมืองดั้งเดิมของแคนาดาเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 16% ของคนไข้ทั้งหมด ทั้งที่มีจำนวนประชากร 3.4% ของประชากรทั้งหมด
โควิด-19 ไม่ใช่ข้อยกเว้น ในสหรัฐฯ อัตราการเสียชีวิตของชนพื้นเมืองอยู่ที่ 1 ต่อ 2,300 คน ส่วนชาวอเมริกันผิวขาวอยู่ที่ 1 ต่อ 3,600 คน ทำให้ชนพื้นเมืองมีความเสี่ยงสูงสุดเป็นอันดับสองรองลงมาจากชาวอเมริกันผิวดำ ในช่วงกลางเดือน พ.ค. ชนเผ่านาวาโฮ ซึ่งครอบครองพื้นที่ 70,000 ตารางกิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ มีอัตราการติดเชื้อโควิด-19 สูงที่สุดในสหรัฐฯ แซงหน้ารัฐนิวยอร์ก
"เรามีโรงพยาบาล มีแพทย์ เครื่องช่วยหายใจ และทุกอย่างที่จำเป็นในการผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้น้อยกว่า" ทาอูลี-คอร์พุซ กล่าว "ชนพื้นเมืองมีอัตราการมีอาการป่วยที่มีอยู่เดิมสูงกว่า และมีโภชนาการที่แย่กว่า ทำให้เราเสี่ยงมากกว่า"
โดยเฉพาะกลุ่มชนพื้นเมืองแถบแอมะซอนเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโควิด-19 เพราะว่าพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ห่างไกลจากความช่วยเหลือทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ข้อมูลเมื่อวันที่ 24 ก.ค. โรคนี้ทำให้ชนพื้นเมืองเสียชีวิตแล้ว 19,329 คน จากอย่างน้อย 38 กลุ่มในแถบแอมะซอน ข้อมูลจาก Red Eclesial Panamazonia (Repam) ระบุว่า มีผู้ติดเชื้อที่ยืนยันแล้วอีก 677,719 คน ส่วนใหญ่อยู่ในบราซิล
ไลลา ซาลาซาร์-โลเปซ ผู้อำนวยการบริหารของแอมะซอนวอตช์ (Amazon Watch) กล่าวถึงกลุ่มชนพื้นเมืองแถบแอมะซอนว่า "ปัจจุบัน พวกเขาก็กำลังเผชิญกับ 'จุดเปลี่ยน' ของการล่มสลายทางนิเวศวิทยาอยู่แล้ว เนื่องจากภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากการตัดไม้ทำลายป่า ไฟป่า การทำอุตสาหกรรม การขยายธุรกิจเกษตร และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ"
"ตอนนี้ การระบาดใหญ่ได้สร้างวิกฤตขึ้นอีก และขณะที่วันแต่ละวันผ่านพ้นไป ความเสี่ยงของการสูญหายของกลุ่มชาติพันธุ์ก็ยิ่งเป็นความจริงมากขึ้น"
การรับมือเพื่อเอาตัวรอด
ชนเผ่าพื้นเมืองต่าง ๆ กำลังลุกขึ้นสู้
"ฉันประหลาดใจมากที่เห็นชนพื้นเมืองกำลังจัดการช่วยเหลือด้วยวิธีการต่าง ๆ ขณะที่รัฐบาลไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ" ทาอูลี-คอร์พุซ กล่าว "พวกเขาจัดหาพีพีอี (ชุดป้องกันการติดเชื้อส่วนบุคคล) และยาฆ่าเชื้อ ทำหน้ากากเอง และจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 เป็นภาษาท้องถิ่น แจกอาหารและสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ"
นอกจากนี้ พวกเขายังเลือกที่จะแยกตัวเองออกมาด้วย ชนเผ่าเซโกไป (Siekopai) ในเอกวาดอร์ ฮุสติโน ปิอากวาเฮ ประธานชนเผ่ากล่าวว่า ผู้อาวุโส ผู้ใหญ่ และเด็กของชนเผ่านี้รวมกันราว 45 คน ได้เดินทางเข้าป่าลึกไปยังพื้นที่ดึกดำบรรพ์ที่ชื่อว่า ลาการ์โตโกชา (Lagartococha) เพื่อเลี่ยงการสัมผัสเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ปิอากวาเฮ กล่าวว่า มีคุณตาคนหนึ่งเสียชีวิต แต่หลังจากมีการแยกตัว ก็ยังไม่มีใครเสียชีวิตอีก
ในอะแลสกา ซึ่งชนเผ่าพื้นเมืองจำนวนมากที่นี่ยังคงจำความเสียหายจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในปี 1918-1919 ได้ ชนเผ่าในอะแลสกามากกว่า 200 เผ่าได้กักกันตัวเองแล้ว ส่วนในแปซิฟิกใต้ ชนเผ่าราโรตองกา (Rarotonga) ซึ่งอยู่บนเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะคุก ได้ปิดเกาะตัวเองทั้งเกาะ
ในสหรัฐฯ นาวาโฮ (Navajo) ก็ทำเหมือนกับชนเผ่าอื่น ๆ คือปิดกั้นพรมแดนและบังคับใช้เคอร์ฟิว พวกเขาตรวจหาเชื้อในชาวเผ่านาวาโฮมากกว่า 40,000 คน "นั่นคิดเป็นกว่า 20% ของประชากร" โจนาธาน เนซ ประธานชนเผ่านาวาโฮ กล่าว "เราได้ตรวจหาเชื้อคนมากกว่ารัฐอื่น ๆ ในสหรัฐฯ และแม้แต่ในอีกหลายประเทศ"
บริการอุทยานแห่งชาติสหรัฐฯ (US National Park Service) ได้กลับมาเปิดให้คนเที่ยวชมแกรนด์แคนยอนเมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา ขัดกับความต้องการของคนในชนเผ่านาวาโฮ ซึ่งอยู่ในส่วนหนึ่งของพื้นที่แถบนี้ด้วย
ที่ด้านล่างของหุบเขาลึกมีชนเผ่าฮาวาซุพาอิ (Havasupai) อาศัยอยู่ 15% ของสมาชิกชนเผ่าเป็นผู้อาวุโส หลายคนเป็นโรคเบาหวานหรือโรคหอบ ยิ่งทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ผู้นำชนเผ่าบอกว่า พวกเขาพึ่งพาการท่องเที่ยวในการหาเลี้ยงครอบครัวและเลี้ยงดูสัตว์ และต้องขอเรี่ยไรเงินผ่าน GoFundMe เพื่อชดเชยรายได้ที่สูญเสียไป
แม้ว่าโควิด-19 เป็นความเสี่ยงสำคัญต่อชุมชนต่าง ๆ แต่การแยกตัวและกักตัวก็ทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา "ชุมชนต่าง ๆ ซึ่งถูกตัดขาดจากตลาด อาจจะไม่สามารถเข้าถึงสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิตรอด" ทาอูลี-คอร์พุซ กล่าว
ฮินโด อามาโร อิบราฮิม ผู้ประสานงานของสมาคสตรีพึลและชนพื้นเมืองแห่งชาดในแอฟริกา (Association of Peul Women and Autochthonous Peoples of Chad) กล่าวว่า ชนพื้นเมืองต่าง ๆ กำลังเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 เพราะความเปราะบางของระบบสาธารณสุข และปัญหาด้านสุขอนามัยที่นั่น แต่การเว้นระยะห่างทางสังคมและการล็อกดาวน์อาจทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ เพราะคนจำเป็นต้องไปตลาดเพื่อซื้อและขายผลิตภัณฑ์ของพวกเขา
"ถ้าพวกเขาไปไม่ได้ พวกเขาก็จะไม่มีอาหารกินในวันนั้น" อิบราฮิม กล่าว "การเกษตรของเราก็ย่ำแย่อยู่แล้วจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและตอนนี้วิกฤตนี้ก็ซ้ำเติมความยากจนเพิ่มขึ้นไปอีก"
ความท้าทายอีกอย่างคือ การสื่อสารและการบังคับใช้กฎการล็อกดาวน์ภายในชุมชนพื้นเมือง ในออสเตรเลียมีการห้าม "ออกไปข้างออกโดยไม่จำเป็น" ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกปรับถึง 11,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 240,000 บาท) และจำคุกชนพื้นเมืองออสเตรเลีย ซึ่งมีรายได้ต่อหัวประชากรน้อยกว่ากลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ 33% การจ่ายค่าปรับนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถิ่นที่อยู่ที่ห่างไกลทำให้พวกเขาไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการระบาดมากนัก
ทาอูลี-คอร์พุซ บอกว่า ชนพื้นเมืองและชุมชนต่าง ๆ สามารถป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัสนี้ได้ดีขึ้น เมื่อพวกเขาตระหนักถึงสิทธิ์ในที่ดินตามกฎหมายของตัวเอง เธอบอกว่า "พวกเขาอาจจะบังคับใช้การล็อกดาวน์ และจัดการทรัพยากรที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ในการดำรงชีพที่ดีขึ้นได้"
ทาอูลี-คอร์พุซ กล่าวว่า ขณะนี้มีความกังวลว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนจะใช้การระบาดนี้เป็นข้ออ้างในการเร่งการยึดที่ดินและละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชนกลุ่มน้อยและชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่
"กฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมกำลังถูกยกเลิกในหลายพื้นที่อย่างเช่น อินโดนีเซียและบราซิล" เธอกล่าว "และในเคนยาและยูกานดา ก็มีการยึดที่ดินเพิ่มมากขึ้น"
ความเสี่ยงต่อผู้อาวุโส
ความกังวลอีกอย่างหนึ่งของชนกลุ่มน้อยในทุกแห่งคือ ความเสี่ยงต่อผู้อาวุโส
เนมอนเต เนนกีโม ประธานสภาประสานงานชนชาติวาออรานีแห่งเอกวาดอร์-ปาสตาซา (Coordinating Council of the Waorani Nationality of Ecuador-Pastaza) กล่าวว่า "ผู้อาวุโสของเรามีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านใช้พืชมาทำเป็นยารักษาโรคและการรักษาด้วยการทรงเจ้าเข้าผี แต่ยังไม่ทันจะได้ถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดให้แก่คนรุ่นหลัง"
เพราะพวกเขาถ่ายทอดความรู้ทางประเพณีและวัฒนธรรมด้วยการบอกเล่า เมื่อผู้อาวุโสเสียชีวิตก่อนที่จะมีโอกาสได้สอนสิ่งที่พวกเขารู้ ความรู้เหล่านั้นก็อาจจะสูญหายไปตลอดกาล
"มันเป็นการเรียนรู้จากเครือข่ายของชีวิต ซึ่งสิ่งมีชีวิตทุกชนิดได้สอนเราให้สร้างและมีชีวิตที่ปรองดองกัน" เดลฟิน ปายากวาเฮ หมอผีวัย 80 ปี จากชนเผ่าเซโกไป จากภูมิภาคไวยา (Waiya) ทางตะวันออกของเอกวาดอร์และตอนเหนือของเปรู
"หากเราปราศจากความรู้ เราก็จะสูญเสียอัตลักษณ์ วัฒนธรรมและวิสัยทัศน์ในการมองโลกของเราไป"
"เรากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ ผู้เฒ่าได้ตายไปพร้อมกับความรู้ทางวัฒนธรรมของเขา เรากลัวว่า เราจะสูญเสียความทรงจำทางประวัติศาสตร์ทั้งหมดไป"
ชนพื้นเมืองทั่วโลกเผชิญกับภัยคุกคามต่าง ๆ มากมายมหาศาลอยู่แล้วในปัจจุบัน เรื่องที่ซาลาซาร์-โลเปซ กังวล ไม่ใช่แค่วิกฤตที่เพิ่มขึ้นมา แต่การระบาดใหญ่นี้ อาจจะเป็นวิกฤตที่ทำให้ชนเผ่าหลายเผ่าไม่อาจอยู่รอดต่อไปได้
"อย่างไร" - Google News
August 04, 2020 at 03:03PM
https://ift.tt/33qbLYM
ชนพื้นเมืองทั่วโลกเผชิญความเสี่ยงจากโควิด-19 อย่างไร - บีบีซีไทย
"อย่างไร" - Google News
https://ift.tt/3ctjMND
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ชนพื้นเมืองทั่วโลกเผชิญความเสี่ยงจากโควิด-19 อย่างไร - บีบีซีไทย"
Post a Comment