Search

คอลัมน์การเมือง - คณะ ศบค. และรัฐบาลจะแก้วิกฤติ กรณีทหารจากอียิปต์และลูกทูตติดเชื้ออย่างไร ? - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

jabaljuba.blogspot.com

คนไทยอุ่นใจต่อการทำงานของรัฐบาลของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และคุณหมอทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ได้ทำหน้าที่เผยแพร่ให้คนไทยดำรงชีวิตอย่างไรแทน ศบค.ได้อย่างดีตัวเลข COVID-19 ในประเทศไทยลดลงอย่างมาก ผู้ป่วยในประเทศเป็น 0 มากว่า 50 วันแล้ว


คนไทยมั่นใจในการทำงานของรัฐบาลชื่นชมในบทบาทคุณหมอทวีศิลป์ วิษณุโยธิน และลุงตู่ได้คะแนนนิยมมากขึ้น ผมเขียนในบทความ และสื่อ Social Media ได้เตือนคนไทยไว้ว่าอย่าประมาท เพราะไทยอาจจะเจอCOVID-19 รอบ 2 เพราะเปิดประเทศไปถึงขึ้น 5 กิจกรรมอาบอบนวดและหลายๆ กิจกรรม มีความเสี่ยงหลายด้านโรงเรียนเริ่มเปิดแล้ว ต้องเน้นมาตรการให้ระมัดระวังคนไทยมั่นใจในมาตรการของรัฐมากขึ้น

ข่าวร้ายต่างๆ ของ COVID-19 ในระดับโลก เช่นอเมริกา บราซิล อินเดีย มีตัวเลขพุ่งไม่หยุด ในช่วงเดือนที่ผ่านมา เมืองไทยมีแต่ข่าวดี แต่อเมริกา บราซิล และอินเดีย มีแต่ข่าวร้าย และประเทศที่เป็นที่รู้กันว่าป้องกันอย่างดี ก็ไม่วายที่ COVID-19 จะกลับมาระลอก 2 เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งไทยก็ยังไม่มีรอบ 2

ผมมุ่งเขียนไปที่การแก้เศรษฐกิจอย่างไร ให้ไทยปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ให้ฟื้นตัวมากขึ้น คนไทยจะอยู่อย่างไร งบประมาณจะช่วยได้จริงหรือไม่ GDP จะติดลบแค่ไหน หนี้ครัวเรือนจะเป็นอย่างไร คนไทยทั้งประเทศจะปรับตัวอย่างไร เรื่องเศรษฐกิจกลายเป็นเรื่องใหญ่ของรัฐบาลนายกฯประยุทธ์ ใครจะมาเป็น ครม.เศรษฐกิจ หลังจากสี่กุมาร ลาออกไปแล้ว

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา มีการแถลงข่าวของนายแพทย์ทวีศิลป์ว่าประเทศไทยมีผู้ป่วย3 คน เป็นชาวต่างประเทศทั้งหมด ที่ตกใจอย่างมากก็คือใน 2 คน เป็นทหารชาวอียิปต์ 1 คน ซึ่งมาพักการเดินทางที่ประเทศไทย ลงที่สนามบินอู่ตะเภา จากข้อตกลงทางการทหารว่า ไม่ต้องมีการกักตัวโดยรัฐ ควรจะกักตัวแบบสมัครใจได้เข้าไปพักในโรงแรมแห่งหนึ่งที่จังหวัดระยอง แต่ฝ่ายการแพทย์ไม่ได้ตรวจสอบให้รอบคอบ

มีทหารอียิปต์ติดโควิด-19 หลายคน พบว่าออกไปศูนย์การค้าโดยทางการไม่ได้ทราบ และควรเป็นหน้าที่ของโรงแรมที่ระมัดระวัง รวมทั้งฝ่ายรัฐบาล ไม่ให้ไปปะปนกับคนไทย จึงเป็นที่มา ทหารอียิปต์ 1 ท่าน ติดโควิด-19 และอาจจะแพร่กระจายไปได้ หลังจากทราบข่าว คนไทยตกใจมาก ธุรกิจ โรงเรียนถูกกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยวในระยอง

อีกกรณีหนึ่งเป็นเด็กอายุ 9 ขวบ อยู่ในคณะทูตจากซูดาน มาพักที่เมืองไทย แต่ต้องกักตัวแบบสมัครใจในสถานทูต แต่พบว่าไปพักในคอนโดฯ แถวสุขุมวิท ทำให้คนไทยตกใจกันมาก เพราะความเสี่ยงสูง และเด็ก 9 ขวบ คนนี้ก็ติดโควิด-19 จึงอาจจะแพร่เชื้อในคอนโดฯ หรืออาจจะไปแพร่กับคนไทย สร้างความเสี่ยงได้ เพราะตามหลักน่าจะอยู่ในสถานทูต หรือบ้านพักของสถานทูตเพราะจะได้ปลอดภัย แต่ไม่พบว่าถูกทูตคนนี้ออกไปข้างนอก ยกเว้นไปโรงพยาบาล ถ้าจะเสี่ยงก็คนไทยในคอนโดฯ ที่ขึ้นลิฟต์เท่านั้น

ทั้ง 2 ข่าวนี้ทำให้ ศบค. และคณะแพทย์ว่าทำดีมาตลอด ซึ่งในอดีตมีการกักตัว 14 วันของคนไทย ที่มาจากต่างประเทศ ทำไมจึงหละหลวมที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้คงจะต้องติดตามกัน ต่อไปว่า อะไรจะเกิดขึ้น จะมีความสามารถในการหยุดการแพร่ระบาดได้ และสร้างความมั่นใจกลับมาให้เร็วได้อย่างไร กลายเป็นวิกฤติของ ศบค.ซึ่งจะต้องแก้ปัญหาวิกฤติให้ได้

น่าจะมี 2-3 ประเด็น

1. เรื่องการป้องกัน COVID-19 กลายเป็นอุปนิสัยและนวัตกรรมที่ดีของคนไทยอันน่าชมเชยเพราะ กลายเป็นวัฒนธรรมของการระวังตัว คำพูดว่า การ์ดอย่าตกจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่คนไทยปฏิบัติตามได้ดี แต่ผมยังคิดว่ายังต้องใช้หน้ากากเป็นประจำต่อไปทั้งๆ ที่มีหลายคนคิดว่าหน้ากากจำเป็นน้อยลง

ที่น่าวิตกคือ บางธุรกิจไม่ดำเนินการเว้นระยะห่างเร็วเกินไป เช่น ในร้านอาหารบางแห่ง ผมเห็นว่ามีการนั่งติดกันแล้ว มีหย่อนยานไปบ้าง พราะคิดว่าโควิด-19 ไม่มีในคนไทยเกือบ 50 วันคงไม่กลับมา ซึ่งผมเตือนเสมอว่าทุกประเทศอาจเกิดรอบ 2 แม้กระทั่ง ในรถไฟฟ้า BTS บัดนี้ก็นั่งติดกันได้เร็วเกินไป ไม่เหมาะสม วินัยเรื่องเว้นระยะห่างยังจำเป็นอยู่ มีข้อมูลว่าในช่วง 2-3 สัปดาห์ การเว้นระยะห่างไม่ได้ปฏิบัติ 100% ศบค. ควรจะกำหนดมาตรการให้เข้มงวดต่อไป แต่การใส่หน้ากากยังจำเป็นอยู่ซึ่งตัวเลขการใช้หน้ากากเริ่มลดลงบ้างอยากให้ยังคงมีวินัยในเรื่องนี้ เพราะไวรัสกลายพันธุ์และติดง่ายขึ้นจากละอองฝอย ซึ่งอันตรายมาก

เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้ว รัฐบาลและศบค.จะแก้ไขอย่างไร ต่อเหตุการณ์ของชาวต่างประเทศ มี 2 คน เพราะไม่รอบคอบ ยังไม่ทราบว่าขยายไปแค่ไหน ข้อดีอันแรกก็คือ คนไทยป้องกันตัวเองดีมาก เป็นอุปนิสัยที่น่าชื่นชม จังหวัดระยอง มีการปิดโรงเรียน ปิดศูนย์การค้า คนระยองช่วยกันป้องกัน ช่วยเหลือกัน

วัฒนธรรมการป้องกันสุขภาพที่น่าชมเชยอย่างยิ่ง ผมยังคิดว่าถ้าอุปนิสัยดูแลเรื่องสุขภาพมีอยู่ในตัว ไม่นานอาจจะมีอุปนิสัยอื่นๆ ที่ดีตามมา เช่น การทิ้งขยะ การมองคนดี รังเกียจคนโกง การอ่านหนังสือ หาความรู้ มากกว่า ไม่ใฝ่หาแต่ใบปริญญา เป็นต้น ผมหวังไว้อย่างนั้น

2. ฝ่ายตรงข้ามโจมตีรัฐบาล โจมตีกองทัพ และรัฐบาลว่า ปล่อยปละละเลย จุดอ่อนของสังคมไทย และสังคมโซเชียล คือ ซึ่งมากเกินไปเพราะผลกระทบต่อการระบาดของคนไทยในระยองและกรุงเทพฯ ก็ยังไม่เกิด ถ้ามีโอกาสขอให้ด่าไว้ก่อน ควรจะมีความสามัคคีกันบ้าง ยังไม่ทราบว่ากรณีนี้จะบานปลายไปแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการแก้วิกฤติของฝ่าย ศบค. ได้ดีแค่ไหน ที่น่ากลัวคือ เด็กในคณะทูตจากซูดานอายุ 9 ขวบ มาพักที่คอนโดฯในสุขุมวิท ซึ่งถ้าแพร่เชื้อ จะเป็นปัญหา เพราะกรุงเทพฯ แออัดมาก ควรติดตามว่าเด็กคนนี้ออกไปข้างนอกหรือเปล่า หวังว่าสาธารณสุขไทยคงติดตามหรือตรวจสอบอย่างรอบคอบว่า Time Line เขาไปติดต่อใครบ้าง ก็ควรจะรีบทำจะได้จำกัดการแพร่กระจายได้เร็ว ข่าวดีเท่าที่ทราบเด็กลูกทูตไม่ได้ออกไปข้างนอก ยกเว้นไปโรงพยาบาลก็โล่งใจไป

แต่ที่แน่ๆ คือ การแก้วิกฤติของคณะ ศบค. ทั้งหมดในครั้งนี้อย่างไร จะทำได้สำเร็จหรือไม่ คนไทยชมเชยความสามารถมาตลอดในอดีต ทำให้การคาดหวังของสังคมสูง แต่เมื่อมีวิกฤติครั้งใหม่ก็ต้องแก้อย่างทันท่วงที จึงเรียกว่าต้องแก้วิกฤติให้ได้ เป็นที่ยอมรับของสังคมไทย

ผมเคยเตือนแล้วว่าวิกฤติมาแล้วจะมาอีก เป็นบทเรียนของคนไทยทุกคนอย่าประมาทครับ เราต้องผ่านวิกฤติไปด้วยกัน

จีระ หงส์ลดารมภ์

dr.chira@hotmail.com

Let's block ads! (Why?)



"อย่างไร" - Google News
July 18, 2020 at 02:00AM
https://ift.tt/2CpBENj

คอลัมน์การเมือง - คณะ ศบค. และรัฐบาลจะแก้วิกฤติ กรณีทหารจากอียิปต์และลูกทูตติดเชื้ออย่างไร ? - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
"อย่างไร" - Google News
https://ift.tt/3ctjMND


Bagikan Berita Ini

0 Response to "คอลัมน์การเมือง - คณะ ศบค. และรัฐบาลจะแก้วิกฤติ กรณีทหารจากอียิปต์และลูกทูตติดเชื้ออย่างไร ? - หนังสือพิมพ์แนวหน้า"

Post a Comment

Powered by Blogger.