ราคาหุ้น GULF กระโดดขึ้นทันที ... รับข่าวโผล่ถือหุ้นอันดับ 4 ใน INTUCH รวม 147.04 ล้านหุ้น หรือ 4.59% แม้ผู้บริหารยืนยันว่าการถือหุ้นในครั้งนี้ไม่มีนัยถึงขั้นดำเนินธุรกิจร่วมกัน แต่นักวิเคราะห์เชื่อจะได้รับปันผลหนุนราว 300 ลบ./ปี หรือเพิ่มมูลค่าหุ้นให้ 0.50 บ./หุ้น ซึ่้งความน่าสนใจก็คือ แม้ดีลนี้จะใช้เงินกู้จำนวนมาก แต่อัตราดอกเบี้ยถือว่าต่ำกว่าปันผลมาก และ GULF ก็ยังมีเพดานการกู้เงินในลักษณะเช่นนี้ได้อีกมากด้วย
*** ราคาหุ้นดีดแรงรับข่าว ถือหุ้น INTUCH ทันที
ก่อนหน้านี้ราคาหุ้น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เริ่มปรับตัวลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเช้าของวันนี้เปิดตลาดบวกขึ้นมาได้เล็กน้อยไปที่ 36 บาท แต่หลังจากที่ประเด็นการเข้าถือหุ้น บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH เริ่มเข้าสู่กระแสราคาหุ้นก็เริ่มดีดตัวขึ้นทันที
โดยราคาหุ้น GULF ขึ้นไปทำจุดสูงสุดช่วงเช้าที่ 38.25 บาท ก่อนมาปิดตลาดรอบเช้าไปที่ 38 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ +7.04% ปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้นถึง +274.32% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้า
ส่วนราคาหุ้นของ INTUCH ดูเหมือนจะไม่ตอบสนองไปทางบวกนักโดยเช้านี้ปรับตัวลงสวนตลาดทำจุดต่ำสุดรอบเช้าไปที่ 56.50 บาท และปิดตลาดไปที่ 56.75 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ -1.30%
ทั้งนี้ GULF เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 4 ของ INTUCH จำนวน 147,044,400 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.59% หลังจากการสรุปภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 22 พ.ค. 63 ซึ่งจากการสำรวจของผู้สื่อข่าวพบว่าการสรุปภาพรวมรอบก่อนหน้านี้ 26 ก.พ.63 GULF ยังไม่ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น และมีการเปลี่ยนแปลงของผู้ถือหุ้นระหว่างช่วงดังกล่าวที่มีนัยสำคัญ ดังนี้
ชื่อผู้ถือหุ้น |
22 ก.พ. 63 |
22 พ.ค. 63 |
ขายออก(ล้านหุ้น) |
THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED |
301.95 |
166.75 |
- 135.2 |
SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED |
90.56 |
81.37 |
- 91.9 |
รวม |
392.51 |
248.12 |
- 144.39 |
*** GULF ยันต้องการแค่ปันผล ไม่หวังร่วมธุรกิจ
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ว่า การซื้อหุ้น INTUCH ในครั้งนี้เป็นเพียงการบริหารพอร์ตลงทุนของบริษัทฯ เนื่องจาก INTUCH มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงไม่ต่ำกว่า 4 - 5% ต่อปี ขณะที่ต้นทุนการเงินที่ใช้ซื้อหุ้นต่ำกว่า 2% โดยเงินที่ใช้ในการลงทุนครั้งนี้มาจากกระแสเงินสดและเงินกู้
สำหรับนโยบายการลงทุน ขึ้นอยู่กับราคาหุ้นและภาวะตลาด โดยหากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นในระดับที่เหมาะสมอาจจะมีการขายทำกำไร แต่หากมีการปรับตัวลดลงก็อาจจะมีการเข้าลงทุนเพิ่ม อย่างไรก็ตามยังไม่มีแผนเข้าซื้อหุ้นจนมีนัยทางการบริหารหรือมีแผนธุรกิจร่วมกันระหว่างทั้ง 2 บริษัท
"ได้ทยอยเข้าซื้อหุ้น INTUCH ช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงเมื่อ 2-3 เดือนก่อน แต่ไม่สามารถเปิดเผยต้นทุนเฉลี่ยหรือมูลค่าการลงทุนรวมโดยละเอียดได้" นางสาวยุพาพินกล่าว
*** กูรูคาดได้ปันผล 300 ลบ./ปี หนุนมูลค่า 0.50 บ./หุ้น
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กสิกรไทย มองว่าการเข้าซื้อ INTUCH ในครั้งนี้เป็นเพียงการบริหารเงินสด (Cash Flow) โดยคาดว่าการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้จะใช้เงินลงทุนรวม 8,000 ล้านบาท ซึ่งใช้เงินสด 4,000 ล้านบาท และกู้เงินระยะสั้นที่ดอกเบี้ยต่ำอีก 4,000 ล้านบาท
ทั้งนี้มองว่า GULF จะได้ประโยชน์จากการลงทุนใน INTUCH จากการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ และผลตอบแทนจากเงินปันผลระดับสูง ในช่วง 3 ปีข้างหน้าราว 4 - 5% หรือประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี ในช่วงปี 64 - 65 หรือคิดเป็น 0.50 บาทต่อหุ้น อิงประมาณการการกู้ยืมที่ 50% แต่มองว่าบริษัทฯ จะไม่นำเงินส่วนนี้มาจ่ายปันผลเพิ่ม แต่จะเอาเงินไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในอนาคตแทน
*** มีเพดานกู้ได้อีก ดัน D/E ได้ถึง 3.5 เท่า
บล.กสิกรไทย ระบุเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา GULF ได้ไปลงทุนในกิจการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลายอย่าง เช่น ท่าเรือ หรือท่อก๊าซ ซึ่งการซื้อหุ้น INTUCH เองก็ถือเป็นการลงทุนในโครงสร้างโทรคมนาคม
ซึ่ง GULF ถือว่ามีช่องในการกู้เงินได้อีกมาก เพราะฐานะการเงินของ GULF ถือว่ายังแข็งแกร่ง มีเพดานการกู้เงิน NET D/E ที่ 3.5 เท่า แต่นโยบายของบริษัทฯ จะรักษาไว้ไม่เกิน 3 เท่า ซึ่งคาดว่าจะสูงสุดในปี 2024 ที่ประมาณ 2.7 เท่า
คงคําแนะนํา “ถือ” หุ้น GULF ด้วยราคาเป้าหมายเดิมที่ 35.50 บาท ปัจจัยสําคัญของหุ้นคือการขยายกําลังการผลิตไฟฟ้าและการเข้าลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐาน
*** Q2/63 กำไรแวววาว มีกำไรพิเศษจากค่าเงินก้อนใหญ่ Q3-4/63 โตต่อ
บล.บัวหลวง ระบุว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/63 ของหุ้นส่วนใหญ่ไม่สดใสนัก และความกังวลด้านการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 2 จะหนุนให้ตลาดกลับมาสนใจหุ้นปลอดภัยที่แนวโน้มไตรมาส 2/63 แข็งแกร่งที่สุดเราคาดว่า GULF จะรายงานกำไรไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 1,051 ล้านบาทเพิ่มขึ้น +7% YoY +14% QoQ โดยได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตใหม่, ราคาก๊าซที่ลดลง, กำไรจากโรงไฟฟ้า IPP ที่สูงขึ้น ซึ่งกลบผลกระทบจากโคโรน่าไวรัส
นอกจากนี้ยังน่าจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนก้อนใหญ่ในไตรมาสนี้ด้วย ส่งผลให้กำไรสุทธิออกมาน่าประทับใจ และเมื่อมองไปข้างหน้าเรายังคาดว่าบริษัทจะประกาศกำไรหลักขยายตัวต่อเนื่อง QoQ ทั้งในไตรมาส 3/63 และ 4/63 ด้วยอานิสงส์จากแนวโน้มราคาก๊าซขาลง
โดยปกติกำลังการผลิตใหม่จะช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า หากมองไปยังปี 2564 GULF มีกำหนดการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ของกำลังการผลิตใหม่รวม 1,705 เมกะวัตต์ (1,269 MWe หรือคิดเป็นการเติบโตของกำลังการผลิตที่ 47% YoY) โดยยูนิตแรก (กำลังผลิต 663 MW) ของโรงไฟฟ้ากัลฟ์ศรีราชา (GSRC, โรงไฟฟ้าก๊าซ IPP 2,650MW) จะเริ่มดำเนินการฯ ในเดือน มี.ค. 64 ตามมาด้วยยูนิตที่สอง (663MW) ในเดือน ต.ค. 64 ทั้งนี้ GULF ยังมีแผนเริ่มดำเนินการฯ ของกำลังการผลิตใหม่ทุกปีตั้งแต่ปี 64 - 68 โดยมีอัตราการเติบโตของกำลังผลิตเฉลี่ยแบบทบต้นที่ 22.5%
*** คำแนะนำของนักวิเคราะห์ยังเสียงแตก
คำแนะนำของหุ้น GULF ถือว่ามีความหลากหลายมาก นักวิเคราะห์ที่แนะนำซื้อส่วนใหญ่มองว่าการเติบโตของโรงไฟฟ้ามีความน่าสนใจ แต่นักวิเคราะห์ที่แนะนำถือมองว่าการเติบโตจะต้องใช้เวลา ขณะที่ราคาหุ้นตอบรับไปแล้ว
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม(บ.) |
เอเซีย พลัส |
ถือ |
32.40 |
เคทีบี |
ถือ |
34.50 |
กสิกรไทย |
ถือ |
35.50 |
ฟิลลิป |
ซื้อเก็งกำไร |
39 |
บัวหลวง |
ซื้อ |
42 |
คันทรี่ กรุ๊ป |
ซื้อ |
44.60 |
หากอิงตามที่ผู้บริหารและนักวิเคราะห์มอง GULF น่าจะมีแนวทางกู้เงินดอกเบี้ยต่ำ เพื่อไปซื้อสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนสูงในอนาคตอีก ซึ่งก็ถือเป็นการสร้างผลตอบแทนที่ฉลาดเพราะปันผล 300 ลบ. หากเทียบกับกำไรสุทธิที่ทำได้ในปีก่อน 4.8 พันลบ. ถ็ถือว่าไม่เลวเหมือนกัน แต่ธุรกิจหลักที่ยังต้องใช้เวลาและราคาหุ้นที่เกินมูลค่าเหมาะสมไปแล้วก็เป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องใส่ใจ
0 Response to "GULF โผล่ถือ INTUCH หนุนแค่ไหน น่าสนใจอย่างไร? - efinanceThai"
Post a Comment